rss
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites

Thai Musical Menu

Slideshow

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทฤษฎี

ตัวโน้ต
โน้ต ใช้เป็นพื้นฐานในการเรียนดนตรี ใช้เป็นตัวกลางสื่อเสียงดนตรีให้มีความเข้าใจตรงกันระหว่างครูผู้สอนกับนัก เรียน และยังเป็นสัญลักษณ์ให้นักเรียน บันทึกบทเพลง เพื่อใช้เป็นการทบทวนด้วยตนเองได้

โน้ตตัวพยัญชนะ ที่ใช้เรียนดนตรีไทย มีสัญลักษณ์แทนเสียงดังนี้

ด แทนเสียง โด
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงโดสูง ดํ มีจุดข้างล่างหมายถึงโดเสียงต่ำ ดฺ

ร แทนเสียง เร
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงเรสูง รํ มีจุดข้างล่างหมายถึงโดเสียงต่ำ รฺ

ม แทนเสียง มี
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียง มีเสียงสูง มํ มีจุดข้างล่างหมายถึง มีเสียงต่ำ มฺ

ฟ แทนเสียง ฟา
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงฟาสูง ฟํ มีจุดข้างล่างหมายถึงฟา เสียงต่ำ ฟฺ

ซ แทนเสียง ซอล
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงซอล สูง ซํ มีจุดข้างล่างหมายถึงซอล เสียงต่ำ ซฺ

ล แทนเสียง ลา
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงลา สูง ลํ มีจุดข้างล่างหมายถึงลาเสียงต่ำ ลฺ

ท แทนเสียง ที
มีจุดข้างบนหมายถึงเสียงที สูง ทํ มีจุดข้างล่างหมายถึงที เสียงต่ำ ทฺ

ห้องเพลงที่ใช้บันทึก

๑ . หนึ่งบรรทัดมี แปด ห้องเพลง

- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -

๒. หนึ่งห้องเพลง มี สี่ตัวโน้ต (ขั้นพื้นฐาน)

๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ๔

๓ . ใช้เส้นน้อยแทน ตัวโน้ตในห้อง

- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -


- - - -



* โน้ตใน ๑ ห้องเพลงสามารถมีมากกว่า ๔ ตัวโน้ตได้ เป็นการอ่านโน้ตในระดับสูงขึ้น *

เทคนิคการอ่านโน้ตของดนตรีไทย

๑ เคาะจังหวะสามัญ (จังหวะอย่างสม่ำเสมอ แบบ ช้า )

๒ ตัวโน้ตที่ ๔ ของห้องจะอ่านพร้อมจังหวะเคาะ

การอ่านโน้ตแบบต่างๆ

ตัวโน้ต จบพร้อมจังหวะ

- - - ดฺ


- - - รฺ


- - - มฺ


- - - ฟ


- - - ซ


- - - ล


- - - ทํ


- - - ดํ




แบบ ๑ ตัวโน้ตจบก่อนจังหวะ (ลักจังหวะ)

ดฺ - - -


รฺ - - -


มฺ - - -


ฟ - - -


ซ - - -


ล - - -


ทํ - - -


ดํ - - -




แบบ๒ ตัวโน้ต จบพร้อมจังหวะ

- ดฺ - ร


- ม - ฟ


- ซ - ล


- ท - ดํ


- ดํ - ท


- ล - ซ


- ฟ - ม


- ร - ดฺ

แบบ๒ ตัวโน้ตจบก่อนจังหวะ (ลักจังหวะ)

- ดฺ ร -


- ม ฟ -


- ซ ล -


- ท ดํ -


- ดํ ท -


- ล ซ -


- ฟ ม -


- ร ดฺ -

แบบ๒ ตัวโน้ตจบก่อนจังหวะ (ลักจังหวะ)

ดฺ ดฺ - -


ร ร - -


ม ม - -


ฟ ฟ - -


ซ ซ - -


ล ล - -


ท ท - -


ดํ ดํ - -

แบบ๒ ตัวโน้ตจบพร้อมจังหวะ

- - ดฺ ดฺ


- - ร ร


- - ม ม


- - ฟ ฟ


- - ซ ซ


- - ล ล


- - ท ท


- - ดํ ดํ


แบบ ๓ ตัวโน้ตจบพร้อมจังหวะ

- ดฺ ร ม


- ร ม ฟ


- ม ฟ ซ


- ฟ ซ ล


- ซ ล ท


- ล ท ดํ


- ท ดํ รํ


- ดํ รํ มํ

แบบ ๓ ตัวโน้ตจบก่อนจังหวะ (ลักจังหวะ)

มํ รํ ดํ -


รํ ดํ ท -


ดํ ท ล -


ท ล ซ -


ล ซ ฟ -


ซ ฟ ม -


ฟ ม ร -


ม ร ดฺ -

แบบ ๓ ตัวโน้ตจบพร้อมจังหวะ

ดฺ - ร ม


ร - ม ฟ


ม - ฟ ซ


ฟ – ซ ล


ซ - ล ท


ล - ท ดํ


ท - ดํ รํ


ดํ - รํ มํ

แบบ ๓ ตัวโน้ตจบพร้อมจังหวะ

มํ รํ - ดํ


รํ ดํ - ท


ดํ ท – ล


ท ล - ซ


ล ซ - ฟ


ซ ฟ - ม


ฟ ม - ร


ม ร - ดฺ

แบบ๔ ตัวโน้ต จบพร้อมจังหวะ

ดฺ ร ม ฟ


ซ ล ท ดํ


ดํ ท ล ซ


ฟ ม ร ดฺ


ดฺ ร ม ฟ


ซ ล ท ดํ


ดํ ท ล ซ


ฟ ม ร ดฺ



* การอ่านโน้ตนักเรียนจะต้องใช้เสียงที่อ่านให้มีระดับเสียงที่แตกต่างกัน ลดหลั่น หรือสูงขึ้น ไปตามเสียงโน้ตนั้น จะ ไม่อ่านโน้ตทุกตัวในระดับเสียงเดียวกัน

----------------------------------------------------------------------------------

จังหวะในเพลงไทยเดิม แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ
๑ .จังหวะสามัญ หมายถึง จังหวะอย่างสม่ำเสมอที่จะต้องยึดถือเป็นหลักในการขับร้องและบรรเลง แม้ว่าจะ ไม่มีสิ่งใดเป็นเครื่องให้สัญญาณจังหวะ ก็จะต้องมีจังหวะอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลา

๒.จังหวะ ฉิ่ง ใช้พื้นฐานเดียวกับจังหวะสามัญ เป็นการแบ่งจังหวะด้วยฉิ่ง โดยปกติจะตีสลับกัน เป็น ฉิ่ง - ฉับ แต่ใช้เสียงฉิ่งกำหนดเสียงแทนการเคาะหรือตบมือ เพื่อให้ทราบว่ากำลังบรรเลงในอัตราจังหวะ สามชั้น สองชั้น หรือชั้นเดียว

๓.จังหวะหน้าทับ หมายถึงการตีกลองควบคุมจังหวะ วิธีการกำกับจังหวะหน้าทับคือ เราใช้จำนวนห้องโน้ตหรือ จำนวนบรรทัดของโน้ตหน้าทับ เป็นเกณฑ์ในการกำกับและนับจังหวะทำนองเพลง

จังหวะฉิ่ง
ฉิ่ง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีใช้สำหรับกำกับจังหวะ เบาและหนัก ของบทเพลง มี ๓ อัตราจังหวะ

๑.จังหวะสามชั้น ( จังหวะช้า)

๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ฉับ


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ๔


๑ ๒ ๓ ฉับ

๒.จังหวะสองชั้น (จังหวะปานกลาง)

๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ฉับ


๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ฉับ


๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ฉับ


๑ ๒ ๓ ฉิ่ง


๑ ๒ ๓ ฉับ

๓.จังหวะชั้นเดียว (จังหวะเร็ว)

๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ


๑ฉิ่ง๓ฉับ

จังหวะหน้าทับ (กลองแขก – โทนรำมะนา) ที่นักเรียนใช้กำกับจังหวะบทเพลงต่างๆ ในหลักสูตรวิชาดนตรีไทย โรงเรียนอำนวยศิลป์
สองไม้ลาว สองชั้น

- ติง – โจ๊ะ


- ติง - ติง


- - ติงทั่ง


- ติง - ทัง

สองไม้ไทย (ทยอย สองชั้น)

- - โจ๊ะจ๊ะ


ติงติง - ติง


- - โจ๊ะจ๊ะ


ติงติง - ทั่ง

หน้าทับสำเนียงฝรั่ง

- ติงติงติง


- ติง -ทั่ง


- ติง -ทั่ง


- ติง -ทั่ง

ปรบไก่สองชั้น

-ทั่ง - ติง


-โจ๊ะ-จ๊ะ


-โจ๊ะ-จ๊ะ


-โจ๊ะ-จ๊ะ


-ติง–ทั่ง


-ติง-ติง


-ทั่ง-ติง


-ติง-ทั่ง

ตัวอย่างการกำกับจังหวะฉิ่งสองชั้นและกำกับจังหวะหน้าทับปรบไก่ ในเพลงแขก บรเทศ สองชั้น

ท่อนที่ ๑

จังหวะฉิ่ง


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ

กลอง


-ทั่ง-ติง


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


-ติง–ทั่ง


-ติง-ติง


-ทั่ง-ติง


-ติง-ทั่ง

ทำนอง


- - - ซ


- ล ล ล


- - - ด


- ล ล ล


- ซ ซ ซ


- ล - ซ


- - - ม


- ม ม ม

ทำนอง


- ล ซ ม


- ร - ด


- - ม ร


ด ร - ม


- ซ - ล


- ซ - ม


- - - ร


- - - ด

ท่อนที่ ๒

จังหวะฉิ่ง


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ

กลอง


-ทั่ง-ติง


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


-ติง–ทั่ง


-ติง-ติง


-ทั่ง-ติง


-ติง-ทั่ง

ทำนอง


- ด ร ม


ซ ม ร ด


- - - ซ


- - - ล


- - ด ล


ซม ซ ล


- - - ด


- - - ร

ทำนอง


- ล ซ ม


- ร - ด


- - ม ร


ด ร - ม


- ซ - ล


- ซ - ม


- - - ร


- - - ด

* ต่ำแน่งการบรรเลงของทุกเครื่องมือจะต้องเท่ากันทุกครั้ง เหมือนตารางโน้ตที่กำหนด จึงจะถือว่าการบรรเลงของวงดนตรีสมบูรณ์ในเรื่องการกำกับจังหวะ

ตัวอย่างการกำกับจังหวะฉิ่งสองชั้นและกำกับจังหวะหน้าทับสองไม้ลาว
ในเพลง ลาวดวงเดือน สองชั้นรอบที่ ๑

จังหวะฉิ่ง


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ

กลอง


-ติง-โจ๊ะ


-ติง-ติง


- - ติงทั่ง


-ติง-ทั่ง


-ติง-โจ๊ะ


-ติง-ติง


- - ติงทั่ง


-ติง-ทั่ง

ทำนอง


- - - -


- - - -


- ด ร ม


- ซ– ด


- - - ร


- ด ด ด


ซลดล


ซ ม - ซ

ทำนอง


- - - ล


ซ ซ ซ ซ


- ม ซ ม


ซ ลด ล


- - ด ล


- ซ – ม


ร มซ ม


ร ด -ร

ทำนอง


- - - ม


ร ร ร ร


ซลซดํ


- ร – ม


- ซ - -


ซ ล ด ร


- ม ซ ร


ม ร ด ล

ทำนอง


- - - -


ซ ล ด ม


ร ด ร ม


- ซ– ล


- - ด ล


ซมซ ล


ซลดล


- ซ ซ ซ

ตัวอย่างการกำกับจังหวะฉิ่งสองชั้นและกำกับจังหวะหน้าทับปรบไก่สองชั้น
ในเพลง มอญรำดาบ สองชั้นท่อนที่ ๑ ทำนอง(ทาง) ระนาดเอก

จังหวะฉิ่ง


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ


- - - ฉิ่ง


- - - ฉับ

กลอง


-ทั่ง-ติง


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


- โจ๊ะ-จ๊ะ


-ติง–ทั่ง


-ติง-ติง


-ทั่ง-ติง


-ติง-ทั่ง

ทำนอง


- - - ด


ร ร ร ร


- - - ม


ร ร ร ร


- ด - ร


มรดล


- - -ซ


ดลซฟ

ทำนอง


รมฟซ


ลซฟม


รดรม


รมฟซ


รดมร


ดลซฟ


มรดร


มฟซล

ทำนอง


ซรมร


ซรมฟ


มรดร


มฟซล


ดมรด


มรดล


รดลซ


ดลซฟ

ทำนอง


- ซ –ซ


- - - ร


มรดร


- ม – ฟ


- ฟ ซ ล


- ซ – ฟ


- ล ซ ฟ


- ม - ร


----------------------------------------------------------------------------------

ประเภทของเครื่องดนตรีไทย
การแบ่งประเภทของเครื่องดนตรีนั้นย่อมจะแตกต่างกันไปได้ตามพื้นภูมิ และความนิยมของแต่ ละชาติ ส่วนการแบ่งประเภทของเครื่องดนตรีไทยนั้นถือเอากิริยาที่บรรเลงให้เกิดเป็น เสียงขึ้น เป็นเครื่องแบ่งประเภท เช่น
๑ . เครื่องที่ดีดเป็นเสียง เป็นเครื่องที่มีสาย ใช้มือหรือวัตถุใดๆ ดีดที่สายแล้วเกิดเสียงขึ้นเช่นกระจับปี่ จะเข้ อย่างนี้เรียกว่า เครื่องดีด
๒ . เครื่องที่สี เป็นเสียง เป็นเครื่องที่มีสาย ใช้หางม้าหลายๆเส้นสีที่สายให้เกิดเสียง เช่น ซอสามสาย ซอด้วง ซออู้ อย่างนี้เรียกว่า เครื่องสี
๓ เครื่องที่ตีเป็นเสียง มีทั้งตีด้วยไม้ตี เช่นฆ้อง ระนาด กับตีด้วยมือ เช่น ตะโพน โทน หรือของสิ่งเดียวกันสองอันตีกันเอง เช่นกรับ และฉิ่ง เหล่านี้ เรียกว่า เครื่องตี
๔ . เครื่องที่เป่าเป็นเสียง เป็นเครื่องที่ต้องใช้ลมเป่าเข้าไปในเครื่องนั้นๆแล้วเกิดเสียง เช่น ปี่ ขลุ่ย อย่างนี้เรียกว่า เครื่องเป่า
รวมแล้วดนตรีไทย มี ๔ ประเภท คือ ดีด สี ตี เป่า

----------------------------------------------------------------------------------

หน้าที่ในการบรรเลง
การแบ่งประเภทดีด สี ตี เป่า นั้นเป็นการแบ่งประเภทของเครื่องดนตรี แต่เครื่องดนตรีนั้นๆ ย่อมมีหน้าที่ในการบรรเลงต่างกัน หลักสำคัญแบ่ง ได้ ๒ ประเภท
๑ บรรเลงทำนองเพลง เป็นพวกที่มีเสียงสูง เสียงต่ำ เรียงลำดับกันไม่น้อยกว่า ๗ เสียง เครื่องดนตรีเหล่านี้มีหน้าที่ บรรเลงเป็นทำนองเพลง เช่น ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ฆ้องวงเล็ก ปี่ ขลุ่ย และซอต่างๆ เป็นต้น
๒ . บรรเลงกำกับจังหวะ และประกอบจังหวะ
เป็นพวกที่มีเสียงสูงต่ำไม่ถึง ๗ เสียงเครื่องดนตรีเหล่านี้มีหน้าที่บรรเลงแตกต่างกันดังนี้
๒.๑ เครื่องกำกับจังหวะ เช่น ฉิ่ง กำกับจังหวะหนักเบาของบทเพลง กลองกำกับจังหวะหน้าทับ(ตรวจสอบบทเพลงว่าขาดหรือเกิน)
๒.๒เครื่องประกอบจังหวะ เช่น ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ กรับ เกราะ โกร่ง โหม่ง มีหน้าที่เพิ่มอัถรสในการบรรเลง ให้สนุกและเพิ่มจังหวะของวงให้ชัดเจน มากขึ้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น